ในแม็กซิโก ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองส่วนใหญ่มาถึงโรงพยาบาลล่าช้ากว่ากรอบเวลาการบำบัดรักษา แพทย์นักบุกเบิกฝ่ายรังสีร่วมรักษาระบบประสาทผู้หนึ่ง ตัองการเปลี่ยนรูปแบบโครงสร้างการรักษาโรคหลอดเลือดสมองในประเทศของตน และโซลูชันหนึ่งก็คือกรอบเวลาที่ยาวนานขึ้น
ที่เมืองแม็กซิโกซิตี้ ในตอนเช้าของ 30 ตุลาคม 2564 กลุ่มผู้เดินขบวนชูป้ายเริ่มออกเดินจาก Estela de Luz อนุสาวรีย์ซึ่งมีรูปทรงคล้ายเวเฟอร์สถานรำลึกการประกาศอิสระภาพของแม็กซิโกจากการปกครองของสเปน เพื่อไปยัง El Ángel เสาแห่งชัยชนะซึ่งได้สร้างพร้อมกับ Paseo de la Reforma เพื่อวัตถุประสงค์เดียวกันเมื่อ 100 ปีก่อนหน้า ผู้เดินขบวนจำนวนมากมีเท้าข้างเดียว แขนข้างเดียว และปกคลุมส่วนหนึ่งของใบหน้าด้วยผ้าพันคอ ผู้เดินขบวนเหล่านี้ไม่ได้ต้องการประท้วงแต่มีความสัมพันธ์กับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง กิจกรรมครั้งนี้เป็นการจำลองผลสืบเนื่องของโรคหลอดเลือดสมอง
ผู้จัดการและผู้นำการเดินขบวนครั้งนี้คือนายแพทย์ Ramiro Lopez เคียงคู่กับแพทย์หญิง Dulce Bonifacio หนึ่งในแพทย์ฝ่ายรังสีร่วมรักษาระบบประสาทจำนวนหนึ่งหยิบมือในแม็กซิโก ที่สามารถดึงลิ่มเลือดที่อุดตันเส้นเลือดของผู้ป่วยรายหนึ่งโดยการบำบัดลิ่มเลือดอุดตัน การอยู่ในตำแหน่งแถวหน้าเป็นธรรมชาติลักษณะที่สองของแพทย์หญิง Bonifacio ผู้ก่อตั้งและผู้ร่วมประสานงานของ ResISSSTE Cerebro เครื่อข่ายที่เอื้ออำนวยการรักษาและการส่งตัวผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง และนอกเหนือจากการบริหารโครงการแพทย์ประจำโรงพยาบาลที่โรงพยาบาลของตนเพื่อให้การอบรมแก่แพทย์ฝ่ายรังสีร่วมรักษาระบบประสาทจำนวนมากขึ้น
เป็นสิ่งยากยิ่งที่จะเชื่อว่าภายในเวลาเพียง 3 ปีนับตั้งแต่เมื่อมาถึงแม็กซิโกซิตี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับเปลี่ยนวิธีการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในแม็กซิโก
แม็กซิโกซิตี้เป็นสถานที่ที่แพทย์หญิง Bonifacio ได้รับการอบรมสาขาวิชารังสีร่วมรักษาระบบประสาท เส้นทางระยะ 8 ปีซึ่งได้เริ่มต้นเมื่อครั้งที่เป็นคุณแม่ยังสาวอายุ 25 ปีและเพิ่งได้รับประกาศนียบัตรแรกในสาขาการแพทย์มาหมาด ๆ เธอได้ตัดสินใจว่าวิธีการนี้จะเป็นวิธีการที่ส่งผลต่อชีวิตผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองของเธอและเพิ่มโอกาสให้กับชีวิต หลังจากช่วงเวลา 6 ปีที่เต็มไปด้วยความเครียดจากการทำงานในโรงพยาบาลที่มีทรัพยากรไม่เพียงพอในเมืองเบรากรุซบ้านเกิดของตน เธอจึงได้ย้ายกลับไปยังเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดเป็นอันดับ 10 ของโลก และเข้าร่วมงานกับศูนย์การรักษาพยาบาลแห่งชาติ 20 de Noviembre โรงพยาบาลรัฐที่ก่อตั้งเพื่อรำลึกถึงการเริ่มต้นการปฏิวัติของชาวเม็กซิโก
แพทย์หญิง Bonifacio เดินทางมาถึงพร้อมกับแผนการปฏิวัติของตนเอง
เครือข่ายการช่วยชีวิต
ศูนย์การรักษาพยาบาลแห่งชาติ 20 de Noviembre เป็นโรงพยาบาลที่ให้บริการเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางเป็นหลัก อย่างเช่น ครู เจ้าหน้าที่ตำรวจ และข้าราชการที่ได้รับการคุ้มครองสุขภาพและฝ่ายบริการสังคมอื่นจากสถาบันประกันสังคมและบริการสังคมของเจ้าหน้าที่รัฐชาวแม็กซิโก ซึ่งใช้อักษรย่อว่า ISSSTE และมีนายแพทย์ Lopez เป็นผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ ระหว่างปี ค.ศ. 2015 และ 2020 สถาบันนี้ได้ลงทะเบียนการอนุญาตให้ผู้ป่วยกลับบ้านจำนวน 22,000 รายเนื่องจากอุบัติการณ์หลอดเลือดสมอง จำนวนที่แสดงให้เห็นถึงภาระของโรคหลอดเลือดสมองในแม็กซิโก ซึ่งโรคนี้เป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตและความพิการ โดยมีผู้ได้รับผลกระทบคิดเป็น 18.2 คนจากจำนวน 1000 คนในผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี
แต่ในปีที่แพทย์หญิง Bonifacio ได้เดินทางมาถึงศูนย์การรักษาพยาบาลแห่งชาติ 20 de Noviembre ได้ให้การรักษาโดยการบำบัดลิ่มเลือดอุดตันแก่ผู้ป่วยเพียง 2 รายเท่านั้น
พ.ญ. Bonifacio ได้เพิ่มตัวอักษร R-e-s ข้างหน้า ISSSTE และคำภาษาสเปนที่แปลว่าสมองต่อท้าย และด้วยการเริ่มต้นการสนับสนุนของ Angels Initiative เพื่อรับสมัครโรงพยาบาลสำหรับเครือข่ายที่จะให้บริการในฐานะผู้เชี่ยวชาญและองค์กรการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง การปรับใช้กลยุทธ์เพื่อลดความล่าช้าในการรักษาและการส่งตัว และเชื่อมต่อโรงพยาบาลต่าง ๆ กับศูนย์ 20 de Noviembre ซึ่งมีการใช้งานซอฟต์แวร์ RAPID เพื่อระบุการตัดสินใจการรักษาเนื้อเยื่อสมองที่สามารถกู้คืนได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับผู้ป่วยที่เดินทางมาถึงโรงพยาบาลเป็นเวลาเกินกว่า 6 ชั่วโมงนับตั้งแต่เริ่มแสดงอาการ
ภายใน 2 ปีแรก โรงพยาบาลในเครือข่าย ResISSSTE Cerebro มีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเข้าร่วม 200 ราย และในปี 2021 จำนวนพุ่งขึ้นเป็น 170 โดยมีผู้ป่วยอย่างน้อยหนึ่งรายมีเรื่องราวน่ามหัศจรรย์มาเล่าสู่
เรื่องราวของผู้ป่วย 7 ราย
การที่ผู้ป่วยรายนี้สามารถเล่าเรื่องราวของตนได้นั้นนับว่าเป็นพยานหลักฐานความสำเร็จในการบุกเบิกของแพทย์หญิง Bonifacio สำหรับดำเนินการขยายกรอบเวลาของการสลายลิ่มเลือดและการสวนลากลิ่มเลือด
จากผู้ป่วย 170 คนที่เข้าร่วมโปรแกรม ResISSSTE ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนตุลาคม 2021 ผู้ป่วย 100 คนถูกส่งตัวไปยังศูนย์การรักษาพยาบาลแห่งชาติ 20 de Noviembre โดยผู้ป่วย 89 รายได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน และ 28 รายได้รับการรักษาโดยการสลายลิ่มเลือด และมีอัตราการสลายลิ่มเลือดที่ 21%
ผู้ป่วย 49 รายได้รับการรักษาโดย CT ความดันเลือด จากผู้ป่วยกลุ่มนี้ ผู้ป่วย 9 รายมีภาวะการอุดตันของหลอดเลือดใหญ่และได้รับการพิจารณาการรักษาด้วยการสวนลากลิ่มเลือด ผู้ป่วย 7 รายที่มาถึงภายในกรอบเวลาส่วนขยาย ตามด้วยการสวนลากลิ่มเลือด 6 รายมาถึงล่าช้ามีคะแนน Rankin ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนที่ 2 คะแนน บ่งชี้ว่ามีความเป็นไปได้มากว่าผู้ป่วยจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติเช่นเดิมก่อนเป็นโรคหลอดเลือดสมองโดยมีภาวะความพิการเพียงเล็กน้อย ผู้ป่วยรายที่ 7 มีเรื่องราวที่แตกต่างออกไป
ชายอายุ 36 ปีที่มีอาการของโรคหลอดเลือดสมองซึ่งเริ่มมีอาการเมื่อเวลา 14.20 น. ของคืนวาน เขาเดินทางไปถึงโรงพยาบาลที่ไม่ได้เข้าร่วมโปรแกรม ResISSSTE ภายในเวลา 17.30 น. และถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเครือข่ายเมื่อเวลา 10.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เมื่อไปถึงศูนย์พยาบาล 20 de Noviembre ซึ่งเป็นเวลา 23 ชั่วโมงหลังจากเกิดเริ่มมีอาการครั้งแรก คะแนน NIHSS ของเขาคือ 11
การถ่ายภาพขั้นสูงยืนยันว่าผู้ป่วยรายนี้มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับการรักษาด้วยการสวนลากลิ่มเลือด หลังจากที่คะแนน NIHSS ของเขาลดลงเป็น 4 ซึ่งบ่งชี้ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะหายเป็นปกติ
ความกล้าหาญและการต่อต้าน
เครือข่ายนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและบรรลุผลแต่ช้า แพทย์หญิง Bonifacio กล่าว บริการรถพยาบาลได้รับแรงกดดัน ความตระหนักของสาธารณชนยังคงน้อยมาก และมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเพียง 17% ที่มาถึงโรงพยาบาลภายในเวลา 3 ชั่วโมงนับตั้งแต่เริ่มเกิดอาการ โปรแกรมนี้จำเป็นต้องมีการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อเพิ่มทวีคูณจำนวนเครือข่ายสู่ส่วนอื่นของประเทศ และเครือข่ายใหม่นั้นจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญสาขารังสีร่วมรักษาระบบประสาท ด้วยเหตุนี้ แพทย์หญิง Bonifacio จึงได้ก่อตั้งโครงการแพทย์ประจำโรงพยาบาลที่โรงพยาบาลของตน โดยแพทย์ 3 ท่าน
เป็นแพทย์ใหม่สาขารังสีร่วมรักษาระบบประสาทที่จะสำเร็จการศึกษาในปี 2022 นอกจากนี้แพทย์ประจำโรงพยาบาลยังให้ความช่วยเหลือเรื่องฐานข้อมูลที่ผู้ป่วยทั้งหมดที่ลงทะเบียนไว้ เป้าหมายคือการเผยแพร่ข้อมูลผลลัพธ์
งานนี้สร้างความท้อแท้ใจได้มากเท่ากับความสุขใจ แพทย์หญิง Bonifacio กล่าว แต่เมื่อเธอพบอุปสรรคที่ดูเหมือนไม่อาจผ่านพ้นไปได้ คำว่า ResISSSTE และจิตนาการถึง “resistencia” (ภาษาสเปนซึ่งแปลว่า “การต่อต้าน”) ก็ช่วยให้เธอเข้มแข็งขึ้น
“มันเป็นชื่อที่ดีสำหรับองค์กรนี้” เธอกล่าว ทั้งนี้ ทุกการปฏิวัติจะเริ่มต้นด้วยการต่อต้าน