โครงการนำร่องในบูคาเรสต์ได้แสดงให้เห็นว่าเหตุใดการแจ้งเตือนล่วงหน้าจึงเป็นปฏิบัติการสำคัญของเส้นทางโรคหลอดเลือดสมอง มีการแสดงให้เห็นว่าการทำงานเป็นทีมระหว่างโรงพยาบาลและทีมรถพยาบาลสามารถเปลี่ยนชีวิตผู้ป่วยได้ และนำไปสู่ช่วงเวลาแห่งความน่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับทีมงานรถพยาบาลของเมืองนี้
การช่วยชีวิตเริ่มต้นด้วยการโทรติดต่อจากทีมงานรถพยาบาลแจ้งให้แพทย์ที่เดินทางมาทำงานที่หน่วยรถพยาบาลบูคาเรสต์ Ilfov (SABIF) ในบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนียทราบ
ข้อมูลสองข้อที่สำคัญอย่างยิ่งซึ่งทีมงานรถพยาบาลจำเป็นต้องรายงาน ก็คือ เวลาล่าสุดที่ทราบว่าผู้ป่วยซึ่งอาจเป็นโรคหลอดเลือดสมองเป็นปกติ และคะแนนการประเมินความรุนแรงของโรคหลอดเลือดสมอง RACE ของผู้ป่วย
ด้วยข้อมูลนี้ ผู้ประสานงานกะการทำงานจะ
ประมาณการณ์ว่าผู้ป่วยอยู่ในกรอบเวลาการรักษาด้วยการเปิดหลอดเลือดหรือไม่ และแนวโน้มที่ผู้ป่วยจะเจ็บป่วยจากการอุดตันของเส้นเลือดใหญ่ ข้อมูลนี้จะใช้เพื่อตัดสินใจว่าโรงพยาบาลใดจะได้รับการโทรติดต่อเพื่อการแจ้งเตือนล่วงหน้าว่ามีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองกำลังเดินทางไปรับการรักษา
การแจ้งเตือนล่วงหน้าเพิ่มความคล่องตัวแก่ทรัพยากรของโรงพยาบาลที่ได้รับการโทรติดต่อก่อนที่ผู้ป่วยจะไปถึง ส่งผลให้ระยะเวลาตั้งแต่มาถึงสถานพยาบาลจนได้รับการตรวจโดยการถ่ายภาพ (door-to-imaging) และระยะเวลาตั้งแต่มาถึงสถานพยาบาลจนได้รับยา (door-to-needle) สั้นลง เนื่องจากประโยชน์ที่ได้จากหัตถการการเปิดหลอดเลือดที่อุดตัน (revascularization) ได้ลดความล่าช้าในการรักษา ทุกนาทีที่สูญเสียนั้นหมายถึงโอกาสในการกลับมาเป็นปกติของผู้ป่วย และทุกวินาทีที่ได้รับหมายถึงโอกาสรอดชีวิต ดังนั้นการโทรติดต่อครั้งเดียวนี้จึงสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้
ความสัมพันธ์ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2021 โทรศัพท์ของโรคหลอดเลือดสมองจึงดังขึ้นเป็นประจำที่โรงพยาบาล 7 แห่งในบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย ทั้งนี้เป็นผลมาจากโครงการนำร่องการแจ้งเตือนล่วงหน้าที่มีวัตถุประสงค์เพื่อลดค่าเฉลี่ยของระยะเวลาตั้งแต่มาถึงสถานพยาบาลจนได้รับการรักษา (door-to-treatment) สำหรับโรคหลอดเลือดสมองเเฉียบพลันผ่านจุดตัดระหว่างการพยาบาลก่อนเข้าโรงพยาบาลและการรักษาในโรงพยาบาล
หากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ มันก็จะให้ความก้าวหน้าที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ปี 2019 เมื่อหน่วยงานสุขภาพของโรมาเนียได้ปรับใช้โครงการนี้ที่ระดับประเทศตั้งแต่ปี 2019 เพื่อเพิ่มเครือข่ายโรงพยาบาลที่พร้อมให้การรักษาโรคหลอดเลือดสมองในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ในหนึ่งของเครือข่ายโรคหลอดเลือดสมองที่ขยายตัวรวดเร็วที่สุดในยุโรปตะวันออก จำนวนของศูนย์โรคหลอดเลือดสมองเพิ่มเป็นสามเท่าภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ภายในปี 2020 อัตราการเปิดหลอดเลือดเพิ่มขึ้นมากกว่าสี่เท่า จาก 0.8% ในปี 2018 เป็น 4.10% แต่ยังคงต่ำกว่าเป้าหมายที่ 15% และค่าเฉลี่ยของระยะเวลาตั้งแต่มาถึงสถานพยาบาลจนได้รับยา (door-to-needle) ยังคงเท่าเดิมที่ประมาณ 55 นาที
ความสัมพันธ์ระหว่างแผนกวิทยาโรคหลอดเลือดสมองและบริการฉุกเฉินที่โครงการรากหญ้านั้นถูกต้อง เนื่องจากผู้ประสานงานโรคหลอดเลือดสมองแห่งประเทศโรมาเนียรองศาสตราจารย์ Cristina Tiu และผู้จัดการทั่วไปของ SABIF แพทย์หญิง Alis Grasu ได้ร่วมยื่นคำร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเพื่อการอนุมัติโครงการนำร่องนี้ ทั้งสองได้ร่วมงานกันเพื่อให้การอบรมเคียงข้างแพทย์สาขาประสาทวิทยาจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูคาเรสต์ พ.ญ. Elena Terecoasa น.พ. Razvan Radu และ น.พ. Vlad Tiu (ปัจจุบันที่โรงพยาบาลเหตุฉุกเฉินมหาวิทยาลัย Elias) และ พ.ญ. Silvia Nica แพทย์แผนกฉุกเฉิน
การปรับใช้โครงการนี้เริ่มดำเนินการในเดือนมิถุนายนปี 2021 เมื่อแพทย์และพยาบาลประจำรถพยาบาล 400 คนจากจำนวน 500 คนของบูคาเรสต์ได้เข้าร่วมเซสชันการอบรมออนไลน์เซสชันแรกจากจำนวน 4 เซสชัน ซึ่งได้ถูกนำมาใส่ไว้ในบทใหม่สำหรับการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในเมืองหลวงของโรมาเนีย
ข่าวดีแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
ตลอดจนแนวคิดพื้นฐานของโรคหลอดเลือดสมองและภาพรวมของโครงการนำร่องการแจ้งเตือนล่วงหน้า การอบรมนี้ได้บรรจุบทนำของคะแนน RACE ซึ่งเป็นหลักการประเมินความรุนแรงของโรคหลอดเลือดสมองซึ่งจัดทำโดยแพทย์สาขาประสาทวิทยาในแคว้นกาตาลุญญา และหลักการนี้ได้รับเลือกเนื่องจากความมีประสิทธิภาพในการระบุการอุดตันของเส้นเลือดใหญ่ (LVO) ของหลักการนี้ในระยะการพยาบาลก่อนเข้าโรงพยาบาล หากทีมงานรถพยาบาลสงสัยว่าผู้ป่วยมี LVO ทีมงานก็จะส่งตัวผู้ไปยังหนึ่งในสองศูนย์โรคหลอดเลือดสมองที่สามารถบำบัดลิ่มเลือดอุดตันในบูคาเรสต์
9 วันหลังจากการอบรมนี้สิ้นสุด เสียงโทรศัพท์ของสายแจ้งเหตุโรคหลอดเลือดสมองในโรงพยาบาลเหตุฉุกเฉินมหาวิทยาลัยบูคาเรสต์ที่รองศาสตราจารย์ Tiu เป็นหัวหน้าหน่วยโรคหลอดเลือดสมองก็ดังขึ้น เมื่อผู้ป่วยมาถึง ทีมงานโรคหลอดเลือดสมองได้รออยู่ที่ทางเข้า พร้อมรับตัวผู้ป่วย และการรักษาก็เริ่มต้นภายในเวลาไม่ถึง 30 นาที โครงการนำร่องปิดตัวด้วยการเริ่มต้นที่รวดเร็ว
ข่าวดีแพร่กระจายสู่ประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว เพียง 1 วันหลังจากการโทรเข้า SABIF สายตรงการแจ้งเคสโรคหลอดเลือดสมองครั้งแรก เจ้าหน้าที่บริการรถพยาบาลในมนฑลดามโบวิต้าซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของบูคาเรสต์ 100 คนได้เข้ารายงานตัวเพื่อร่วมการอบรมการแจ้งเตือนล่วงหน้า กลุ่มเจ้าหน้าที่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับโครงการนำร่องในเมืองหลวงและต้องการให้ความช่วยเหลือเรื่องการปรับใช้งาน
ในมนฑลดังกล่าวโรงพยาบาลตีร์โกวิชเตซึ่งเป็นโรงพยาบาลเหตฉุกเฉินของมนฑล ได้กลายเป็นโรงพยาบาลที่ให้การรักษาโรคหลอดเลือดสมองในปี 2018 สายโทรเข้าถัดไปโทรมาจากมนฑลบาเคา ซึ่งอยู่เหนือขึ้นไป
เกณฑ์บังคับการแจ้งเตือนล่วงหน้าสำหรับโรคหลอดเลือดสมองอาจจะขยายสู่ทั่วประเทศโรมาเนียเมื่อมีการยืนยันความสำเร็จของโครงการนำร่องของบูคาเรสต์ แต่เป็นที่ชัดเจนว่าโรงพยาบาลและหน่วยบริการฉุกเฉินนอกเมืองหลวงไม่จำเป็นต้องได้รับคำสั่งอย่างเป็นทางการในการมอบโอกาสแก่ชีวิต
มีข่าวที่ดียิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อรางวัล EMS Angels Awards เปิดตัวขึ้นในปี ค.ศ. 2021 เพื่อประกาศกิตติคุณในความเป็นเลิศของการพยาบาลก่อนเข้าโรงพยาบาล โครงการ SABIF มีคุณสมบัติครบถ้วนยกเว้นเพียง 1 ข้อ อย่างไรก็ตามปัจจุบัน โปรโตคอลของพวกเข้าได้บรรจุการแจ้งเตือนล่วงหน้าไว้ด้วย ทีมงานนี้เป็นเพียงทีมงานเดียวเท่านั้นจากนเก้าทีมงานรถพยาบาลในยุโรป และเป็นทีมงานแรกของโรมาเนียที่ได้รับรางวัล EUSEM 2021 แรกในเดือนตุลาคม
การได้รับสถานะ Gold ของทีมงานนี้มีที่มาจากบันทึกค่าเฉลี่ยในที่เกิดเหตุซึ่งต่ำกว่า 30 นาที การส่งตัวผู้ป่วยขั้นต่ำ 85% ไปโรงพยาบาลที่พร้อมให้การรักษาโรคหลอดเลือดสมอง การรายงานการใช้ยาของผู้ป่วย และการทราบเวลาสุดท้ายที่เป็นปกติขั้นต่ำ 85% ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณโครงการนำร่องของบูคาเรสต์ การแจ้งให้โรงพยาบาลทราบล่วงหน้าขั้นต่ำ 85%
Cristina Stanciu ที่ปรึกษาของโครงการ Angels ประจำโรมาเนีย ปิติยินดีด้วยความภาคภูมิใจที่ได้เห็นทีมงานรถพยาบาลจากบูคาเรสต์ก้าวขึ้นเวทีเพื่อรับรางวัล แน่นอนว่าสำหรับหน่วยรถพยาบาลบูคาเรสต์ Ilfov รางวัล EMS Angels Awards แรกของพวกเขาเป็นช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจ แต่ทั้งนี้ตามที่แพทย์หญิง Grasu กล่าว “ความสำเร็จที่แท้จริงของโครงการนี้คือการส่งตัวผู้ป่วยกลับสู่ทั้งครอบครัวและสังคม” สำหรับเจ้าหน้าที่ทั้งชายและหญิงของทีมงานรถพยาบาล SABIF ชัยชนะที่แท้จริงคือผู้ป่วยของพวกเขา ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณการทำงานเป็นทีมระหว่างทีมงานรถพยาบาลและโรงพยาบาล ที่ได้มอบโอกาสที่สองแก่ชีวิต